นายเฉิน เสี่ยวหัว เกษตรกรวัย 68 ปี จากหมู่บ้านฟู่หยวนในภูมิภาคฉงชิ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน กล่าวว่า ภัยแล้งปีนี้รุนแรงกว่าเมื่อปี 2503 เช่นเดียวกับอุณภูมิที่สูงกว่าเดิม
แปลงเกษตรขนาดเล็กของนายเฉิน ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำแยงซีและแม่น้ำสายย่อย ซึ่งปกติจะต้องอาศัยน้ำจืดจากลำธารในภูเขา แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ระดับน้ำค่อย ๆ ลดลงจนแห้งเหือดไปหมด ส่งผลให้พืชผลหลักของเขาเหี่ยวเฉาตาม
นอกจากวิกฤติแม่น้ำแห้งขอด และอุณภูมิที่สูงถึง 45 องศาเซลเซียส เมืองฉงชิ่งยังประสบกับปริมาณน้ำฝนในปีนี้ยังลดลง 60% เมื่อเทียบกับระดับปกติตามฤดูกาล อีกทั้งพื้นที่การเกษตรในหลายเขตตกอยู่ในสภาพขาดความชื้นอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปกป้องผลผลิตของการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง รัฐบาลปักกิ่งจึงส่งทีมผู้เชี่ยวชาญ เดินทางไปยังภูมิภาคเปราะบางต่าง ๆ เพื่อจัดสรรทรัพยากรน้ำ และจัดทำแผนปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่เทศบาลเมืองฉงชิ่งเรียกร้องรัฐบาลในภูมิภาคให้มองหาแหล่งน้ำที่ทนต่อภัยแล้งแห่งใหม่ และสร้าง “การแบ่งเวลา” ที่จะช่วยให้แต่ละฟาร์มผลัดกันเข้าถึงแม่น้ำ ลำธาร และอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำลดลงได้
“อุณหภูมิมันสูงมากทุกวัน เราจึงต้องทำงานในตอนเช้า” นายเฉิน กล่าว “ในตอนบ่าย พวกเราจะอยู่แต่ในบ้าน เพราะกลัวที่จะต้องออกไปข้างนอก”